วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2556

จบแล้วไปไหนต่อ!!!

               ไปได้หลายทาง........!!! ก็จริงๆนะครับ ไปได้เยอะ ผู้ที่สำเร็จการศึกษาสายนี้ไปได้หลายเส้น

ทาง เมื่อถามผู้ที่จบมาแล้วก็จะบอกกันว่าจบแล้ว ไปต่อเนติ บ้างก็บอกไปสอบตั๋ว บ้างก็บอกจะไปต่อ

โทหรือที่หลุดโลกไปเลยกลับไปนอนกินที่บ้านเฉยๆ......( -.-") หรืออาจจะทำอย่างอื่นก็ได้แล้วแต่วัตถุ

ประสงค์ของแต่ละคน แต่หัวข้อนี้กระผมจะแนะนำให้คนที่อยากทราบว่าจบแล้วไปไหน ขอยึดตามแนว

ของผู้ที่จบกฎหมายโดยทั่วไปเชื่อว่าไม่น้อยกว่า 50 % ของผู้ที่จบนิติศาสตร์ทั้งหมด หลังจากจบแล้ว

น่าจะมาทำสิ่งต่อไปดังที่จะแนะนำให้ต่อไปนี้

ศึกษาต่อชั้นเนติบัณฑิต นี้น่าจะถือเป็นว่าเป็นตัวหลักเลยที่เด็กนิติให้ความสนใจเพื่อมุ่งจะศึกษาต่อ

เมื่อจบนิติและผู้ที่จบนิติแล้ว เชื่อกันว่าใครสามารถพิชิตสนามนี้ได้ เป็นที่ยอมรับในหมู่คนทั่วไปและนัก

กฎหมายด้วยกันว่า "เทพ" เนื่องจากการศึกษาต่อเนติฯเป็นการศึกษาเรียนรู้กฎหมายชั้นสูง จริงๆแล้วก็

เหมือนกับการได้เรียนทบทวนกฎหมายทั้งหมดที่เคยได้เรียนสมัยเรียนนิติศาสตร์ ซึ่งเนติฯนั้นเป็นการ

ศึกษาที่ได้จัดตั้งขึ้นโดย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา โดยการศึกษาในชั้นเนติฯนี้ มี

ทั้งหมด 4 สาขาวิชาที่เราต้องสอบให้ผ่านทั้งหมดซึ่งหากผ่านทั้งหมดก็จะพิชิตได้เป็น "เนติบัณฑิตไทย"
 
ซึ่งสรุปได้ว่า กฎหมาย 4 สาขาวิชานี้ ออกสอบในเรื่องกฎหมายสี่มุมเมืองซึ่งได้แก่ อาญา แพ่ง

วิ.อาญา และ วิ.แพ่ง และกฎหมายพิเศษที่น่าจะเคยได้เรียนมาแล้วในชั้นปริญญาตรี แต่ในชั้นเนติฯค่อน

ข้างจะยากซับซ้อนกว่า ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆที่ใครจะพิชิตได้ ซึ่งการมาศึกษาต่อที่นี้ส่วน

ใหญ่จะมาสอบเพื่ออนาคตไว้สอบผู้พิพากษาหรืออัยการซึ่งเป็นเป้าหมายที่ใฝ่ฝันที่ยิ่งใหญ่ของนักศึกษา

กฎหมายหลายคน หากไม่ได้เนติฯก็ไม่สามารถจะสอบได้ หากใครอยากเป็นผู้พิพากษาหรืออัยการก็ต้อง

ผ่านสนามนี้มาให้ได้ก่อนนะครับ!!

สอบตั๋วทนาย อันนี้เป็นที่รือกันมานานแล้วว่า เด็กนิติเมื่อจบแล้วห้ามพลาดตัวนี้คือ ตั๋วทนาย สำหรับ

ใครที่ใฝ่ฝันจะเป็นทนายความ หลังจากจบนิติมาแล้ว ท่านก็มาสอบตั๋วทนายให้ได้ ก็จะได้เป็นทนาย

แล้ว ซึ่งดูแล้วใครอยากเป็นทนายช่างเหนื่อยน้อยกว่าอัยการ ผู้พิพากษาเยอะเลย.....แต่ส่วนใหญ่มันไม่

ได้เป็นแบบนั้นครับที่คนมาสอบตั๋วทนายเพื่ออยากเป็นทนาย ที่ใครๆเขาฮิตสอบตั๋วกันเพราะว่าจะเอาไป

เป็นคุณสมบัติในการสอบอัยการหรือผู้พิพากษานะครับ แต่ที่กล่าวในเรื่องเนติฯมาเมื่อกี้อันนั้นบังคับต้อง

มีเนติฯถึงสอบผู้พิพากษาหรืออัยการได แต่ตั๋วทนายจริงๆไม่ได้บังคับหรอกครับ อาจจะไปทำงานเกี่ยว

กับกฎหมายซึ่งได้อายุงานไม่น้อยกว่า 2 ปี ที่ ก ต เขารับรองนะครับ เพราะครจะสอบอัยการผู้พิพากษา

ได้ เขาบังคับว่าต้องจบเนติฯผ่านงานกฎหมายไม่น้อยกว่า 2 ปีด้วย แต่หากได้ตั๋วทนายมา ท่านก็ต้องว่า

ความ 20 คดีด้วยนะครับบถึงจะมีสิทธิสอบ สำหรับตั๋วทนายนั้น ได้จัดสอบโดย สำนักฝึกอบรมวิชาว่า

ความแห่งสภาทนายความ โดยสามารถสมัครสอบได้ 2 ประเภท คือตั๋วรุ่นและตั๋วปี ซึ่งกระผมได้ทำหัว

ข้อไว้ให้อ่านแล้วครับในบล็อกนี้ หัวข้อ เกี่ยวกับตั๋วรุ่น - ตั๋วปี ดังนั้นตั๋วทนายนี้เป็นหนึ่งทางเลือกที่

ใครๆที่ต้องมีไว้ในครอบครองครับ เพราะเชื่อว่าไม่ว่าวันใดวันหนึ่งท่านอาจได้ใช้มัน

ศึกษาต่อปริญญาโท(หรือไปถึงเอก) เส้นทางนี้ไว้สำหรับนักกฎหมายสายวิชาการครับซึ่งเป็นสาย

สามัญของผู้ที่จบตรีแล้วไปต่อโท ซึ่งการศึกษาในระดับปริญญาโทนี้ สูงกว่าเนติฯ เนื่องจากเนติมีหลัก

สูตร 1 ปี แต่ปริญญาโท 2 ปี ซึ่งการจบปริญญาโทนี้ มีผลมากเวลาได้เข้าทำงานภาครัฐและเอกชน โดย

เฉพาะภาครัฐมีผลต่อการปรับฐานเงินเดือนที่สูงขึ้นตามวุฒิการศึกษา และนอกจากนี้การที่ได้เรียนและ

จบสายนี้มีคุณสมบัติมีสิทธิสอบอัยการและผู้พิพากษาสยามเล็กอีกด้วย หากมีทั้งเนติฯและปริญญาโท

เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองมากขึ้นเลยทีเดียว นอกจากนี้สายวิชาการนี้ยังกว้างขวางสามารถเข้าไปเป็น

ได้หลายอาชีพ เช่น นักวิชาการด้านกฎหมาย อาจารย์สอนกฎหมาย ซึ่งสมัยนี้มีผู้คนได้ให้ความสำคัญ

ในการศึกษาต่อระดับปริญญาโทเยอะขึ้นมาก

                      นอกจากที่กล่าวมาแล้ว 3 เส้นทางที่ผู้คนมักไปต่อหลังจบนิติแล้ว บางคนอาจไม่ได้

ต้องการมา 3 ทางนี้ เช่น บางคนต้องการเป็นนิติกร มีสิทธิสอบได้เลยหรือจะสอบตำรวจหรืออาชีพอะไร

ก็แล้วแต่ซึ่งไปได้กว้างมาก แม้แต่จะไปสอบ ก.พ. เพื่อจะไปเป็นปลัด หรือ เจ้าหน้าที่ศาลปกครองก็ได้

เห็นไหมครับว่าเส้นทางหลังจบนิติแล้วมีทางไปเยอะแยะมาก กระผมจึงอธิบายให้พอเห็นภาพได้ว่า จบ

นิติแล้วไปไหนต่อแบบคร่าวๆเพื่อให้ผู้ที่ศึกษาอยู่หรือคิดจะศึกษาหรือจบมาแล้วแต่ยังไม่ได้ไปต่อไหน

สอบอะไร เพื่อให้ดูเป็นแนวทางประกอบตัดสินใจได้บ้างครับ ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น