ไปได้หลายทาง........!!! ก็จริงๆนะครับ ไปได้เยอะ ผู้ที่สำเร็จการศึกษาสายนี้ไปได้หลายเส้น
ทาง เมื่อถามผู้ที่จบมาแล้วก็จะบอกกันว่าจบแล้ว ไปต่อเนติ บ้างก็บอกไปสอบตั๋ว บ้างก็บอกจะไปต่อ
โทหรือที่หลุดโลกไปเลยกลับไปนอนกินที่บ้านเฉยๆ......( -.-") หรืออาจจะทำอย่างอื่นก็ได้แล้วแต่วัตถุ
ประสงค์ของแต่ละคน แต่หัวข้อนี้กระผมจะแนะนำให้คนที่อยากทราบว่าจบแล้วไปไหน ขอยึดตามแนว
ของผู้ที่จบกฎหมายโดยทั่วไปเชื่อว่าไม่น้อยกว่า 50 % ของผู้ที่จบนิติศาสตร์ทั้งหมด หลังจากจบแล้ว
น่าจะมาทำสิ่งต่อไปดังที่จะแนะนำให้ต่อไปนี้
ศึกษาต่อชั้นเนติบัณฑิต นี้น่าจะถือเป็นว่าเป็นตัวหลักเลยที่เด็กนิติให้ความสนใจเพื่อมุ่งจะศึกษาต่อ
เมื่อจบนิติและผู้ที่จบนิติแล้ว เชื่อกันว่าใครสามารถพิชิตสนามนี้ได้ เป็นที่ยอมรับในหมู่คนทั่วไปและนัก
กฎหมายด้วยกันว่า "เทพ" เนื่องจากการศึกษาต่อเนติฯเป็นการศึกษาเรียนรู้กฎหมายชั้นสูง จริงๆแล้วก็
เหมือนกับการได้เรียนทบทวนกฎหมายทั้งหมดที่เคยได้เรียนสมัยเรียนนิติศาสตร์ ซึ่งเนติฯนั้นเป็นการ
ศึกษาที่ได้จัดตั้งขึ้นโดย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา โดยการศึกษาในชั้นเนติฯนี้ มี
ทั้งหมด 4 สาขาวิชาที่เราต้องสอบให้ผ่านทั้งหมดซึ่งหากผ่านทั้งหมดก็จะพิชิตได้เป็น "เนติบัณฑิตไทย"
ซึ่งสรุปได้ว่า กฎหมาย 4 สาขาวิชานี้ ออกสอบในเรื่องกฎหมายสี่มุมเมืองซึ่งได้แก่ อาญา แพ่ง
วิ.อาญา และ วิ.แพ่ง และกฎหมายพิเศษที่น่าจะเคยได้เรียนมาแล้วในชั้นปริญญาตรี แต่ในชั้นเนติฯค่อน
ข้างจะยากซับซ้อนกว่า ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆที่ใครจะพิชิตได้ ซึ่งการมาศึกษาต่อที่นี้ส่วน
ใหญ่จะมาสอบเพื่ออนาคตไว้สอบผู้พิพากษาหรืออัยการซึ่งเป็นเป้าหมายที่ใฝ่ฝันที่ยิ่งใหญ่ของนักศึกษา
กฎหมายหลายคน หากไม่ได้เนติฯก็ไม่สามารถจะสอบได้ หากใครอยากเป็นผู้พิพากษาหรืออัยการก็ต้อง
ผ่านสนามนี้มาให้ได้ก่อนนะครับ!!
สอบตั๋วทนาย อันนี้เป็นที่รือกันมานานแล้วว่า เด็กนิติเมื่อจบแล้วห้ามพลาดตัวนี้คือ ตั๋วทนาย สำหรับ
ใครที่ใฝ่ฝันจะเป็นทนายความ หลังจากจบนิติมาแล้ว ท่านก็มาสอบตั๋วทนายให้ได้ ก็จะได้เป็นทนาย
แล้ว ซึ่งดูแล้วใครอยากเป็นทนายช่างเหนื่อยน้อยกว่าอัยการ ผู้พิพากษาเยอะเลย.....แต่ส่วนใหญ่มันไม่
ได้เป็นแบบนั้นครับที่คนมาสอบตั๋วทนายเพื่ออยากเป็นทนาย ที่ใครๆเขาฮิตสอบตั๋วกันเพราะว่าจะเอาไป
เป็นคุณสมบัติในการสอบอัยการหรือผู้พิพากษานะครับ แต่ที่กล่าวในเรื่องเนติฯมาเมื่อกี้อันนั้นบังคับต้อง
มีเนติฯถึงสอบผู้พิพากษาหรืออัยการได แต่ตั๋วทนายจริงๆไม่ได้บังคับหรอกครับ อาจจะไปทำงานเกี่ยว
กับกฎหมายซึ่งได้อายุงานไม่น้อยกว่า 2 ปี ที่ ก ต เขารับรองนะครับ เพราะครจะสอบอัยการผู้พิพากษา
ได้ เขาบังคับว่าต้องจบเนติฯผ่านงานกฎหมายไม่น้อยกว่า 2 ปีด้วย แต่หากได้ตั๋วทนายมา ท่านก็ต้องว่า
ความ 20 คดีด้วยนะครับบถึงจะมีสิทธิสอบ สำหรับตั๋วทนายนั้น ได้จัดสอบโดย สำนักฝึกอบรมวิชาว่า
ความแห่งสภาทนายความ โดยสามารถสมัครสอบได้ 2 ประเภท คือตั๋วรุ่นและตั๋วปี ซึ่งกระผมได้ทำหัว
ข้อไว้ให้อ่านแล้วครับในบล็อกนี้ หัวข้อ เกี่ยวกับตั๋วรุ่น - ตั๋วปี ดังนั้นตั๋วทนายนี้เป็นหนึ่งทางเลือกที่
ใครๆที่ต้องมีไว้ในครอบครองครับ เพราะเชื่อว่าไม่ว่าวันใดวันหนึ่งท่านอาจได้ใช้มัน
ศึกษาต่อปริญญาโท(หรือไปถึงเอก) เส้นทางนี้ไว้สำหรับนักกฎหมายสายวิชาการครับซึ่งเป็นสาย
สามัญของผู้ที่จบตรีแล้วไปต่อโท ซึ่งการศึกษาในระดับปริญญาโทนี้ สูงกว่าเนติฯ เนื่องจากเนติมีหลัก
สูตร 1 ปี แต่ปริญญาโท 2 ปี ซึ่งการจบปริญญาโทนี้ มีผลมากเวลาได้เข้าทำงานภาครัฐและเอกชน โดย
เฉพาะภาครัฐมีผลต่อการปรับฐานเงินเดือนที่สูงขึ้นตามวุฒิการศึกษา และนอกจากนี้การที่ได้เรียนและ
จบสายนี้มีคุณสมบัติมีสิทธิสอบอัยการและผู้พิพากษาสยามเล็กอีกด้วย หากมีทั้งเนติฯและปริญญาโท
เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองมากขึ้นเลยทีเดียว นอกจากนี้สายวิชาการนี้ยังกว้างขวางสามารถเข้าไปเป็น
ได้หลายอาชีพ เช่น นักวิชาการด้านกฎหมาย อาจารย์สอนกฎหมาย ซึ่งสมัยนี้มีผู้คนได้ให้ความสำคัญ
ในการศึกษาต่อระดับปริญญาโทเยอะขึ้นมาก
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว 3 เส้นทางที่ผู้คนมักไปต่อหลังจบนิติแล้ว บางคนอาจไม่ได้
ต้องการมา 3 ทางนี้ เช่น บางคนต้องการเป็นนิติกร มีสิทธิสอบได้เลยหรือจะสอบตำรวจหรืออาชีพอะไร
ก็แล้วแต่ซึ่งไปได้กว้างมาก แม้แต่จะไปสอบ ก.พ. เพื่อจะไปเป็นปลัด หรือ เจ้าหน้าที่ศาลปกครองก็ได้
เห็นไหมครับว่าเส้นทางหลังจบนิติแล้วมีทางไปเยอะแยะมาก กระผมจึงอธิบายให้พอเห็นภาพได้ว่า จบ
นิติแล้วไปไหนต่อแบบคร่าวๆเพื่อให้ผู้ที่ศึกษาอยู่หรือคิดจะศึกษาหรือจบมาแล้วแต่ยังไม่ได้ไปต่อไหน
สอบอะไร เพื่อให้ดูเป็นแนวทางประกอบตัดสินใจได้บ้างครับ ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น