นอกจากจะมีการสอบแบบรุ่นหรือที่เรียกตั๋วรุ่นแล้ว ยังมีการสอบทนายอีกประเภทหนึ่งคือการ
สอบทนายแบบปีนั้นเอง เป็นการสอบทนายสนามหนึ่งที่ทางสภาทนายความเปิดโอกาสให้ทางเลือกแก่
บุคคลมีสิทธิสอบได้มีโอกาสมากขึ้นในการที่จะสอบได้มากขึ้น โดยอาจจะมีสิทธิสอบได้สนามใดสนาม
หนึ่งหรือทั้งสองสนามไม่ตัดสิทธิ
แต่เนื่องจากการสอบประเภทสำนักงาน 1 ปีนั้นมีที่มาต่างกันจากประเภทรุ่นอยู่ ไม่ว่าจะ
เป็นการเริ่มต้นสมัครใหม่ของประเภทรุ่นจะมีการจัดอบรมก่อนสอบภาคทฤษฎี เมื่อสอบผ่านแล้วต้องฝึก
งานอีก 6 เดือนจึงมาลงทะเบียนเตรียมสอบภาคปฏิบัติอีก นับว่าเป็นการสอบ 2 ครั้ง เมื่อผ่านทั้งสอง
ภาคมีสิทธิสอบปากเปล่าและอบรมจริยธรรมและรับประกาศนียบัตรต่อไป แต่สำหรับตั๋วปีนั้นตอนสมัคร
แน่นอนว่าต้องหาสำนักงานทนายความรับเข้าฝึกงานในสำนักงาน 1 ปี จึงจะมีสิทธิสอบตามที่ทางสภา
ทนายความแจ้งให้ทราบ ในการสอบแบบปีนั้นจะจัดการสอบเพียงแค่ครั้งเดียว โดยไม่มีการอบรม
อย่างเช่นแบบรุ่นเลย มิหนำซ้ำไม่มีข้อสอบเก่าจำหน่ายอย่างเช่นแบบรุ่นเหมือนกัน จึงเป็นปัญหา
สำหรับใครหลายๆคนอยู่ที่ไม่มีแนวขอบเขตในการออกสอบเลยว่าจะออกส่วนไหนอย่างไร จึงมีการออก
ข้อสอบได้กว้าง แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มีเหตุผลอยู่ การที่ท่านมาสอบประเภทปีนั้น ถือได้ว่า ท่านเป็นผู้
ที่ผ่านการฝึกงานในสำนักงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี ก็ถือได้เหมือนกันนะว่าในเวลา 1 ปีนั้น ท่านคง
เก็บเกี่ยวอะไรต่อะไรมามาก ผ่านงานมาเยอะ มีโอกาสได้อยู่ฝึกการเป็นทนายมากกว่าเวลาของแบบรุ่น
ซะอีก(ซึ่งจริงๆแล้ว ท่านอาจหลอกทางสภาทนายความว่าฝึกจริง จริงๆมีแค่ชื่อในสำนักงานเท่านั้น ตัว
ไม่มีนี่คือสาเหตุหนึ่งที่คนไม่ค่อยสำเร็จในการสอบแบบปีจึงมีผู้ผ่านน้อย) ซึ่งในการสอบเมื่อมีการจัด
สอบครั้งเดียว หากท่านสอบผ่านได้ก็จะมีสิทธิสอบปากเปล่าได้เช่นเดียวกับประเภทรุ่น
แต่แม้ว่าการแบบปีดูเหมือนจะยากกว่าแบบรุ่น ตามความคิดผู้เขียนๆมองว่าหากท่านมี
สามารถ เข้าใจ และเขียนเป็น ไม่ว่าจะเป็นแบบปีหรือแบบรุ่น น่าจะทำได้ไม่ยาก อย่างเช่นท่านรู้หลัก
กฎหมาย รู้จักใช้แบบฟอล์มศาลเป็น เลือกเขียนในกระดาษอะไร และเขียนเป็น ลายมือดี นับว่าไม่น่า
เป็นปัญหาในการสอบสักเท่าไหร่ (แม้ว่าการสอบประเภทปีจะผ่านกันน้อยก็ตาม) และ ในการออกสอบ
แบบปีนั้น เท่าที่ศึกษาที่เคยออกสอบมาแล้วแต่ละครั้งของปี มีการออกสอบในเรื่องที่ต่างกับแบบรุ่นอยู่
เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกเรื่องคำให้การและฟ้องแย้ง หนังสือมอบอำนาจให้ยื่นคำให้การและฟ้อง
แย้ง เช่นนี้ไม่ค่อยเห็นออกสอบในแบบรุ่นเลย จึงไม่คุ้นเท่าไหร่ แต่ถ้าท่านไปฝึกงานที่สำนักงานจริงๆ
หรือศึกษาหาจากตำราต่างๆ ก็น่าจะเข้าใจและทำได้ไม่ยาก
ส่วนมาตรฐานในการตรวจข้อสอบนั้นผู้เขียนมองว่า มาตรฐานเดียวกันแน่นอน ไม่มีการ
ตรวจเคร่งหรือไม่เคร่งของแบบปีและแบบรุ่น อยู่ที่ตัวผู้สอบเองมากกว่าว่าเขียนถูกเขียนโดนใจกรรม
การ ตามธงคำตอบหรรือเปล่า เพราะจงให้ท่านระลึกเสมอว่า หากเราทำได้ ทำถูก ลายมือดี ไม่ผิด
แบบแล้ว ยังไงๆก็ต้องได้คะแนน และคะแนนที่ได้ก็ต้องผ่านเกณฑ์แน่นอน กรรมการจะให้ตก จะเคร่ง
ตรวจให้ผ่านยาก จะเป็นไปได้อย่างไร
อย่างไรก็ดีทางสภาทนายความไม่ได้ห้ามให้ท่านเลือกสอบสนามใด สนามหนึ่ง ท่าน มี
สิทธิสอบทั้งสองสนามได้ เป็นการเพิ่มโอกาสให้แก่ตัวท่านเองในการสอบทนาย จึงแนะนำให้ท่านได้
สมัครสอบไว้ทั้งสองประเภท ไม่ว่าจะได้ประเภทไหนก็ตามสุดท้ายก็ได้เหมือนกัน และมีสิทธิขึ้นทะเบียน
เป็นทนายความเช่นเดียวกัน เสมอภาคกันไม่มีแบบไหนดีกว่ากันครับ
**********************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น