วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556

แนวทางการสอบเป็นทนายความ 1 (ภาคทฤษฎี)

                    ตามปกติแล้วการสอบทนายความในประเทศไทยนั้น ผู้ที่จะสอบเข้าเป็นทนายความจะ

ต้องมีคุณสมบัติตามที่สภาทนายความกำหนด ซึ่งแน่นอนว่าโดยทั่วไปต้องสำเร็จการศึกษานิติศาสตร

บัณฑิตก่อน ในการจัดการการสอบทนายความหรือที่รู้จักกันในหมู่คนทั่วไปว่า "ตั๋วทนาย"ซึ่งมีการจัด

สอบโดยสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ ทางสำนักฝึกอบรมฯได้แบ่งการสอบออกเป็น

2 ประเภท ได้แก่ การสอบประเภทรุ่นที่เรียกว่า "ตั๋วรุ่น" และอีกประเภทหนึ่งเรียกว่า "ตั๋วปี" ในทีนี้จะ

ข้ามรายละเอียดที่มาของ 2 ประเภทนี้ ซึ่งสามารถหาข้อมูลได้ตามบอร์ดหรือเว็บไซต์ต่างๆ ได้ ผมจะ

แนะนำให้เฉพาะแนวทางในการสอบให้เป็นวิทยาทานครับ

     -ในการสอบใบอนุญาตให้เป็นทนายความประเภทรุ่นนั้น ในส่วนของภาคทฤษฎี ทางสำนักฝึก

อบรมฯ ได้ออกสอบโดยการเขียนตอบในสมุดคำตอบซึ่งมิใช่แบบฟอร์มของศาล ในการสอบจึงต้อง

ตอบเฉพาะเนื้อหาอย่างเดียวเท่านั้น (ไม่มีการกรอกรายละเอียดต่างๆ เหมือนแบบพิมพ์ศาล เช่น

กรอกชื่อคู่ความ กรอกที่อยู่ของคู่ความ หรือ กรอกที่อยู่ทนายในส่วนคำร้อง\แถลง\ขอ ต่างๆ เป็นต้น)

ซึ่งผมจะแนะนำให้ผู้ที่จะสอบอ่านหนังสือ ตำราต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสอบ ต้องศึกษาโดยใช้

ความเข้าใจและความจำ ไม่แนะนำให้ใช้วิธีจำเพียงอย่างเดียว เพราะจะทำให้ไม่เข้าใจหรือรู้เกี่ยวกับที่

มาหรือวัตถุประสงค์ในสิ่งที่เราเขียน เพราะการสอบนั้นสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ด้วย การศึกษาที่ดี

ควรทำความเข้าใจและจำควบคู่กันไป เช่น คำร้องต่างๆ ที่ยื่นต่อศาลโดยทั่วไป จะมีสามส่วนในการ

เขียนกล่าวคือ

 -ส่วนแรก ต้องรู้ว่าคดีนี้อยู่ระหว่างทำอะไร อาทิ อยู่ระหว่างการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง คดีนี้

ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่............ ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่............(คดีอาญา) โจทก์ยื่นฟ้อง

ต่อศาลในวันนี้ ฯลฯ

-ส่วนที่สอง เป็นการบรรยายถึงเหตุแห่งการยื่นคำร้องว่าทำไม มีเหตุอะไรที่ยื่น เช่น

ต้องการที่จะให้ศาลมีคำสั่งปิดหมายโดยทำเป็นคำแถลง ก็บรรยายเหตุที่ยื่นคำแถลงนี้ว่า เนื่องจาก

จำเลยมีภูมิลำเนาที่แน่อนตามฟ้องโจทก์ ปรากฎตามสำเนาทะเบียนราษฏรเอกสารท้ายคำแถลง หรือ

ต้องการให้ศาลออกหมายเรียกทายาทเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่จำเลย ก็ต้องบรรยายเหตุแห่งการยื่นว่า

เนื่องจากจำเลยได้เสียชีวิตเมื่อวันที่.........โดย.........โจทก์ทราบว่า นาย/น.ส./นาง............เป็น

ภรรยา/สามี ฯ ของจำเลยผู้ตายปรากฎตาม.......... เป็นต้น

-ส่วนที่สามนั้น สืบเนื่องมาจากส่วนที่สองเหตุแห่งการยื่นคำร้องต่างๆ เมื่อบรรยายแล้วต้องการให้ศาล

มีคำสั่งอะไรหรืออนุญาตให้ตามคำร้องหรือไม่ ต้องบรรยายในส่วนนี้ส่วนที่สาม เช่น ตัวอย่างตาม

ส่วนที่สองต้องการที่จะให้ศาลมีคำสั่งปิดหมายโดยทำเป็นคำแถลง ก็บรรยายเหตุที่ยื่นคำแถลงนี้ว่า

เนื่องจากจำเลยมีภูมิลำเนาที่แน่อนตามฟ้องโจทก์ ปรากฎตามสำเนาทะเบียนราษฏรเอกสารท้ายคำ

แถลง ส่วนที่สามนี้ก็บรรยายว่า ดังนั้น ในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยหากไม่พบตัว

จำเลยหรือไม่มีผู้ใดรับไว้แทนโดยชอบ ขอศาลได้โปรดมีคำสั่งให้ปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง ณ

ภูมิลำเนาของจำเลยแทนการส่งหมายโดยวิธีธรรมดาด้วย ขอศาลได้โปรดอนุญาต หรืออีกตัวอย่าง ใน

ส่วนที่สอง ต้องการให้ศาลออกหมายเรียกทายาทเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่จำเลย ก็ต้องบรรยายเหตุแห่ง

การยื่นว่าเนื่องจากจำเลยได้เสียชีวิตเมื่อวันที่.......โดย........โจทก์ทราบว่า นาย/น.ส./นาง..........

เป็นภรรยา/สามี ฯ ของจำเลยผู้ตายปรากฎตาม..........ในส่วนที่สามก็บรรยายว่า โจทก์จึงขอประทาน

กราบเรียนต่อศาลที่เคารพได้โปรดออกหมายเรียก นาย/น.ส./นาง............ให้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่

จำเลยผู้ตายด้วย ขอศาลได้โปรดอนุญาต เป็นต้น หลังจากนั้นก็จะต้องขึ้นบรรทัดใหม่ เขียนว่า "ควรมิ

ควรแล้วแต่จะโปรด"จะเห็นได้ว่าเนื้อหาคำร้องต่างๆ(รวมถึงคำแถลง คำขอและคำบอกกล่าวด้วย)โดย

ทั่วไปจะมีสามส่วนดังที่ได้อธิบายมาแล้ว ก็จะได้คำตอบดังนี้

คำแถลงขอปิดหมาย ภูมิลำเนาจำเลย

           ข้อ1.คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลในวันนี้
           ข้อ2. เนื่องจากจำเลยมีภูมิลำเนาที่แน่อนตามฟ้องโจทก์ ปรากฎตามสำเนาทะเบียนราษฏรเอกสารท้ายคำแถลง
           ข้อ3.ดังนั้น ในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยหากไม่พบตัวจำเลยหรือไม่
 มีผู้ใดรับไว้แทนโดยชอบ ขอศาลได้โปรดมีคำสั่งให้ปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง ณ ภูมิลำเนาของ
 จำเลยแทนการส่งหมายโดยวิธีธรรมดาด้วย ขอศาลได้โปรดอนุญาต
                                                                       ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

หรือตัวอย่างที่ 2

คำร้องขอให้เรียกทายาทเข้ามาเป็นคู่ความแทนจำเลยผู้ตาย

            ข้อ1. คดีนี้ศาลนัดชี้สองสถานในวันที่ 1 มกราคม 2556
            ข้อ2.เนื่องจากจำเลยได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2556 โดยเกิดอุบัติเหตุถูกรถยนต์ชนถึงแก่ความตาย ปรากฎตามสำเรามรณบัตรเอกสารท้ายคำร้องหมายเลข1 โจทก์ทราบว่า นางจิตตก ซวยซ้อน เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยผู้ตายปรากฎตามสำเนาใบสำคัญการสมรสเอก สารท้ายคำร้องหมายเลข2
            ข้อ3.โจทก์จึงขอประทานกราบเรียนต่อศาลที่เคารพได้โปรดออกหมายเรียกนางนางจิตตก ซวยซ้อน ให้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่จำเลยผู้ตายด้วย ขอศาลได้โปรดอนุญาต
                                                                       ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

***ข้อแนะนำ - ห้ามเว้นบรรทัดเด็ดขาดเมื่อเขียนเสร็จต้องขึ้นบรรทัดใหม่ เว้นแต่ขึ้นข้อใหม่ต้องเขียน

หน้าใหม่

                   - อย่าลืมเขียนเลขกำกับข้อให้ถูกต้องด้วยเสมอตามคำสั่งที่ข้อสอบระบุให้ทำ

                   - ลายมือไม่สวยไม่เป็นไร แต่เขียนแล้วต้องอ่านออก ตรงนี้สำคัญมากเหมือนกัน

                   - อย่าเขียนชื่อ หรือ เครื่องหมายใดๆที่แสดงให้เห็นหรือเข้าใจได้ว่าอันส่อไปในทาง

ทุจริต จะถือว่าเป็นแกงได (กรรมการคุมสอบจะชี้แนะตรงนี้)

                   และที่ผมจะแนะนำให้ผู้ที่จะเตรียมสอบทนายทั้งหลายนี้ เน้นย้ำเรื่องนึงสำคัญในปัจจุบัน

ทางสำนักฝึกอบรมฯมีมาตรฐานสูงและปรับเปลี่ยนคุณภาพ ในการออกข้อสอบที่ค่อนข้างไปในทางคิด

วิเคราะห์ซับซ้อนขึ้น สิ่งที่จะแนะนำคือ หลักกฎหมาย และ แนวฎีกา โดยเฉพาะหลักกฎหมาย ผม

อยากให้ศึกษากันดูดีๆ เพราะการออกข้อสอบในปัจจุบันนี้ เวลาบรรยายฟ้องหรือคำให้การและฟ้องแย้ง

ต้องรู้หลักกฎหมายจากสาระบัญญัติด้วย เช่น ข้อสอบตั๋วรุ่น ภาคทฤษฏีรุ่นที่ 40 มีการออกสอบในคดี

เรื่องสัญญากู้ยืมอันมีมูลหนี้มาจากการโอนสิทธิเรียกร้องซึ่งเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ ที่เจ้าหนี้ผู้รับโอนสิทธิทำ

สัญญาซื้อขายรถยนต์กับผู้ซื้อ ผู้ซื้อโอนสิทธิมาให้ผู้ขายซึ่งเป็นการโอนความเป็นเจ้าหนี้เรียกให้ชำระ

หนี้จากลูกหนี้ของผู้ซื้อ(เจ้าหนี้เดิม)แทนการชำระเงิน อันนี้หากผู้เข้าสอบไม่รู้หลักกฎหมายเกี่ยวกับเรื่อง

การโอนสิทธิเรียกร้องซึ่งอยู่ในกฎหมายลักษณะหนี้ว่ามีหลักเกณฑ์อย่างไร ก็ไม่สามารถที่จะบรรยาย

ฟ้องให้ถูกต้องและสมบูรณ์ได้ มีโอกาสทำให้สอบตกสูงมาก แต่ในขณะเดียวกันหากคนที่รู้หลักฎหมาย

ก็จะนำมาปรับใช้เวลาบรรยายฟ้องได้ที่ถูกต้องและอาจสมบูรณ์ได้ ดังนั้นตรงนี้ส่วนตัวของผมจึงแนะนำ

ว่าอยากให้เน้นหลักกฎหมายเยอะๆเพราะมีส่วนสำคัญมากต่อการชี้ชะตาว่าสอบได้หรือไม่เลยครับ

       การศึกษาคำฟ้องนั้น แน่นอนว่าการออกข้อสอบโดยส่วนใหญ่จะออกสอบ ฟ้องแพ่ง และ ฟ้อง

อาญาเป็นหลัก แต่ในบ้างครั้งอาจออกสอบเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทคือคดีคำร้องขอต่างๆทางแพ่ง เช่น คดี

คำร้องขอตั้งเป็นผู้จัดการมรดก คำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้เป็นบุคคลไร้ความสามารถ เป็นต้น แต่

สำหรับการสอบภาคปฎิบัติของตั๋วรุ่น และ ตั๋วปี มักออกสอบในเรื่องคำให้การของจำเลยและฟ้องแย้ง

ด้วย ซึ่งต้องทำความเข้าใจให้ดี ในทีนี้จะขอกล่าวถึงการร่างฟ้องในส่วนภาคทฤษฏีก่อน ซึ่งการออก

สอบจะมีเรื่อง คำฟ้องแพ่งและอาญา แต่บางทีอาจจะออกเรื่องคดีไม่มีข้อพิพาท


ติดตามต่อ ---------->>>>> แนวทางการสอบเป็นทนายความ 2 (ภาคทฤษฏี)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น