วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ประสบการณ์ตรงสอบปากเปล่า

        เนื่องจากผู้ที่สอบใบอนุญาตว่าความได้นั้น ไม่ว่าจะสอบได้แบบรุ่นหรือแบบปีก็ตาม ต่อมาก็จะ

ต้องมีการสอบปากเปล่าอีกขั้นหนึ่ง ก่อนจะวันที่ได้รับประกาศนียบัตรฯ ซึ่งการสอบเปล่านั้นดูจากชื่อเชื่อ

ว่ามีผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกตื่นเต้น ไม่เป็นอันทำอะไร กังวลว่าจะจะถามเราแนวไหน ถามอะไร อายไม่

กล้าพูด กลัวพูดไม่ถูก พูดไม่ได้ หรือกังวลไปสารพัดอย่าง ซึ่งจากที่เห็นหลายๆคนที่ผ่านตรงจุดนั้นมา

แล้ว ก็ล้วนแต่มาแชร์ในทำนองเดียวกันว่า มีอาการประมาณที่เล่ามาเมื่อกี้ ซึ่งประสบการณ์ตรงของผม

เอง ถามว่ามีความรู้สึกแค่ไหนในการสอบปากเปล่า ? ก็อยากจะตอบว่าผมไม่ได้มีอาการตื่นเต้นและ

กังวลมากไป แต่ก็มีอยู่บ้าง อาจเป็นเพราะผมมีความคิดว่า ถึงอย่างไรๆวันนี้เราก็ต้องผ่านไปให้ได้ อีก

ทั้งมีรุ่นพี่คนก่อนๆหน้ารายคนมักจะบอกต่อกันว่า "สุดท้ายก็ได้หมดทุกคนแหละ" ตรงนี้ลดความกดดัน

ผมไปได้ด้วยส่วนหนึ่ง แต่ในใจลึกๆก็หวั่นๆนิดนึง

        การสอบปากเปล่า โดยส่วนมากมักจะมีการพูดกันต่อๆกันมาว่า ไม่มีปัญหา เพราะอาจารย์เขา

พยายามอยากให้เด็กผ่านกันทุกคนถึงกับบอกว่า "ขอให้สอบข้อเขียนให้ได้ก็พอ ปากเปล่าไม่ใช่ปัญหา"

ซึ่งในทางความเป็นจริง ผมเองได้ข่าวจากรุ่นพี่บางคนว่า มีการเข้าห้องเย็นแล้วเหมือนกัน ขอขยาย

ความนิด ห้องเย็น คือ ห้องสอบปากเปล่าห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องสอบสำหรับคนที่สอบปากเปล่ากับ

กรรมการครั้งแรกไม่ผ่าน จึงส่งตัวมาสอบปากเปล่าห้องเย็นซึ่งมีกรรมการคุมสอบ 5 คน ในตอนแรกจะ

ได้สอบกับกรรมการ 2 คน แต่สำหรับคนไม่ผ่านปากเปล่า เคยได้ยินจากรุ่นพี่คนหนึ่งมาเหมือนกันว่า ไม่

ผ่านก็มี แต่อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน

        จากการที่ผมได้ไปสอบปากเปล่ามานั้น เนื่องจากผมสามารถสอบใบอนุญาตว่าความได้ทั้ง 2

สนาม คือทั้งแบบรุ่น และ แบบปี ทางสำนักฝึกอบรมฯจึงให้กรณีผู้ผ่านการสอบทั้งสองสนามดังกล่าว

เข้าสอบของแบบปี จริงๆแล้วก่อนหน้าเคยมีรุ่นพี่บอกผมว่าของปีกับของรุ่น ของปีจะถามปากเปล่า

จำนวนข้อเยอะกว่าและเคี้ยวกว่าแบบรุ่น แต่ในรุ่นและปีที่ผมสอบนั้นเห็นว่าน่าจะใช้คำถามข้อเดียวกัน

ข้อนึง จะเล่าให้ต่อในตอนหลัง โดยสำนักฝึกอบรมฯได้จัดการสอบปากเปล่าที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

โดยต้องไปรายงานตัวระหว่างเวลา 8.00 - 8.30 น เห็นว่าหากมาช้ากว่านี้จะไม่อนุญาตให้เข้าสอบไม่

ว่ากรณีใดๆ ผมต้องรีบตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง เตรียมตัวอะไรเสร็จก็ออกไปกับแฟนเลย โดยนั่งแท็กซี่ไป

ตั้งแต่เวลา 6 โมงครึ่ง ปรากฏว่าไปถึงก่อนเวลาใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ไปถึงเวลา 7 โมง ซึ่งนั่งรถจากหน้า

รามคำแหงมา เหลือเวลาเพียบ (ก่อนหน้าแทบไม่ได้หลับนอนเลย เพราะช่วงนั้นบริหารการนอนไม่ดี

นอนผิดเวลา) พอมาถึงแรกๆไม่ค่อยเห็นใครมาเยอะมาก พอเวลาผ่านไปก็เดินไปหาตึกสอบโดยตาม

คนที่เดินกันต่อๆตามกัน ตึกอาคารสอบ หรูเอาการอยู่ สมแล้วเป็นเมืองทอง เมื่อเดินเข้าไปในตึกสอบ

ขึ้นบรรไดเลื่อนก็ปรากฏว่าเจอผู้คนอยู่กันเยอะมากอยู่ทุกทิศทางเลย ที่นั่งก็ไม่มีเพราะคนนั่งกันเต็มหมด

มีบางคนพาญาติพาเพื่อนฝูงกันมาด้วย เห็นอยู่มุมหนึ่งมีขนมปัง กาแฟ ตั้งไว้บนโต๊ะ ไว้สำหรับผู้ที่มา

สอบปากเปล่า ซึ่งก็หยิบมากินกัน แต่ผมไม่กินนะครับ เพราะไม่อยากกินเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะตื่นเต้นนะ

แต่รู้สึกกินอะไรไม่ได้มากกว่า ต่อมาผมก็พาแฟนไปหาที่นั่งกันพลางๆจนกว่าจะรอเรียกลงชื่อรายงานตัว

ก็ได้พบที่นั่งจนได้แต่เป็นพื้นปูนเย็นๆนะซึ่งผมก็ได้พบกับรุ่นพี่ผู้ใหญ่ 2 คน ก็นั่งใกล้ๆกันก็ชวนคุยไป

เรื่อยๆ(ดูเหมือนจะรบกวนเขาด้วยนะ เห็นกำลังอ่านหนังสือเคร่งๆกันอยู่)ก็คุยกันไปเรื่องขอบเขตสอบ

เปล่าและเรื่องอื่นๆกันไป จนมาถึงเวลาลงชื่อรายงานตัวก็เข้าแถวกันเยอะแยะเต็มกันไปหมด ของผมก็

ให้ไปรายงานของสำนักงาน 1 ปี (ตั๋วปี) แถว A ซึ่งมีคนไม่เยอะเท่าไหร่ ลงเสร็จก็รอเข้าห้อง ห้องที่ผม

เข้าไปนี้ไม่ใช่ห้องสอบทีนะครับ แต่เป็นห้องที่มานั่งเรียงกันมีคนชี้แจง แต่เวลาสอบจะนำพาไปสอบทีละ

แถว อาจารย์ที่ชี้แจงก็บรรยายสาธยายไปเรื่อยๆเหมือนชวนคุย แต่ก็มีพูดให้ใจหายนิดๆเหมือนกันเรื่อง

การสอบปากเปล่าไม่ผ่านอะไรประมาณนั้น

           และแล้วเมื่อได้เวลาที่เขาเรียกให้เข้าสอบทีละแถว ลืมบอกไป ผู้ที่สอบของสำนักงาน 1 ปีจะนั่ง

แถวหน้า ส่วนแบบรุ่นจะนั่งข้างหลัง ดังนั้นแน่นอนว่าผมก็ได้สอบก่อนอยู่ต้นๆแถวเลยครับ แต่ของรุ่นเอง

ก็เรียกไปทีละแถวพร้อมๆกับแบบปีครับ แต่ของปีสอบไม่กี่คนเพราะคนสอบได้สนามนี้มีน้อย จึงไม่นานก็

หมด เมื่อเข้าสอบไปแล้วแถวแรก ต่อมาก็เรียกแถวที่สองเข้าห้องสอบ เชื่อไหมตัดอยู่ที่คนนั่งข้างผมพอ

ดีเป็นพี่ผู้ใหญ่ดูใจดีคนหนึ่ง ผมก็ชวนนั่งคุยกับเขาไปเรื่อยๆ และแล้วก็ถึงคิวแถวผมละครับ แถวที่ 3 วินา

ทีนั้น ผมก็นึกซะว่าเอาวะๆยังไงๆก็ต้องผ่านทุกคน อีกอย่างผมคิดว่าถ้าเราผ่านข้อเขียนมาได้ อีกทั้ง

ความรู้เราก็พอที่จะวัดดวงได้ ไม่น่าจะเป็นปัญหาเท่าไหร่ เมื่อเข้าไปในห้องสอบแล้วจะให้นั่งรอหน้าห้อง

สอบซึ่งคั่นระหว่างห้องที่ผู้สอบนั่งรอสอบกับห้องสอบไว้ รอให้คนก่อนหน้าสอบเสร็จจึงได้เข้าไป และ

แล้วถึงคิวผม วินาทีนี้เป็นต้นไปอ่านกันดูๆนะครับถึงจุดคลายแม็กล่ะ!!!

          "ผมได้เดินเข้าไปหาอาจารย์กรรมการซึ่งนั่งคู่กันอยู่ 2 ท่าน ดูท่านทั้งสองมีอายุแล้วและดูใจดี

ด้วยนะครับ ยิ้มแย้มดูไม่ดุด้วย คิดในใจน่าจะโชคดีละ ทันทีที่เดินไปที่นั่งสอบ ผมก็แสดงความเคารพ

ด้วยการไหว้ ท่านทั้งสองคนแล้วพูดว่า "สวัสดีครับอาจารย์" แล้วผมก็นั่งลงที่เก้าอี้ ท่านคนที่สอง ก็ถาม

ผมว่า"ชื่ออะไรครับ" ผมก็ตอบ และท่านก็ถามคำถามอื่นๆทั้งหมดว่า "จบมาจากที่มหาวิทยาลัยที่ไหน" 

"จบปีไหน" "ฝึกที่สำนักงานไหนและอยู่แถวไหน" "คดีเข้าสำนักงานเยอะไหม" "เคยทำคดีให้เขาไหม" 

ทั้งหมดที่ท่านคนที่สองถามมานั้นเป็นคำถามเกริ่นๆทั่วไปก่อน และผมก็ตอบตามที่ถามไปซึ่งก็ไม่ได้ยาก

อะไรตรงนี้ ต่อมาท่านคนที่สองจึงหยิบกระดาษคำถามขึ้นมา ปรากฏว่าคำถามที่ท่านจะหยิบมานั้น คน

ก่อนหน้าพากระดาษคำถามไปด้วย กำละ (-.-") ..... ท่านคนที่สองก็เลยไปให้เขาประกาศให้คนก่อน

หน้าเอากระดาษคำถามมาคืนด้วย ผมสันนิษฐานว่า สงสัยสอบผ่านดีใจตื่นเต้นเกินไปหน่อยนำเอา

กระดาษคำถามไปด้วย ผมขำในใจมาก ในระหว่างท่านคนที่สองเดินไปเพื่อขอให้เขาประชาสัมพันธ์ถึง

คนสอบก่อนหน้าผมให้เอากระดาษมาคืน จึงเหลือท่านแรกๆ จึงไม่ให้เสียเวลา จึงฉีกกระดาษคำถาม

แล้วให้ผมตอบตามที่ถามในกระดาษแทน ปรากฏว่าเมื่อผมดูคำถามแล้ว เป็นคำถามที่เห็นแล้ว ดีใจขึ้น

มาปั้บเลย เนื่องจากเป็นคำถามที่ผมเตรียมมาด้วย ซึ่งคำถามก็จะถามได้ใจความว่า "อธิบายถึงสิทธิของ

ผู้ต้องหาหรือผู้ถูกขังตามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญา ตามมาตรา 7/1 มีอะไรบ้าง" ซึ่งคำ

ถามนี้ผมจำตัวบทได้ก็เลยตอบไปค่อนข้างสมบูรณ์ ซึ่งท่านแรกก็บอกผมว่า "ตอบถูกหมดเลยเนี้ย ไปได้

เลย" ผมก็ดีใจมากครับ ก็เดินออกไปตามสเต็ป จากนั้นก็เอาเอกสารที่เขาแจกข้างหน้ามากรอกเพื่อเสีย

ค่าทำเนียบรุ่นและค่าประกาศนียบัตรรวม 500 บาท ก่อนกลับด้วย เมื่อเสร็จภารกิจแล้วก็กลับบ้าน แต่

ก่อนกลับผมได้ฝากมือถือไว้กลับพนักงานของสภาทนายความ ซึ่งสอบเสร็จผมไม่ลืมกลับมาเอา จึง

อยากเตือนให้คนที่ไปสอบปากเปล่าเสร็จแล้วอย่าลืมเอาของที่ฝากด้วยนะครับ เดี๋ยวดีใจมากจนลืมของ

ที่ฝาก ส่วนปากเปล่าที่ผมสอบเสร็จนั้นใช้เวลาเร็วมากครับ เนื่องจากได้สอบเป็นคนต้นๆของแถวด้วย 

ผมได้กลับบ้านประมาณ 9 โมงกว่าๆเองครับ เห็นว่าสอบเสร็จทั้งหมดก็ประมาณบ่ายๆ ก็ถือว่าคนที่สอบ

หลังๆก็ได้กลับช้านะครับ "

****************

และทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ตรงของผมครับในวันสอบปากเปล่าทนายความ จึงขอแชร์ให้

คนที่อยากรู้ว่าบรรยากาศการสอบเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นในวันสอบบ้าง ขอบคุณที่ได้อ่าน

บทความครับ

3 ความคิดเห็น:

  1. เป็นคำบอกเล่าที่ช่วยผ่อนคลายคนที่กำลังเตรียมสอบได้ดีเลยค่ะ ดิฉันเป็นคนนึงที่ยังคิดไม่ตกว่าอาจารย์จะถามอะไร

    ตอบลบ
  2. เป็นคำบอกเล่าที่ช่วยผ่อนคลายคนที่กำลังเตรียมสอบได้ดีเลยค่ะ ดิฉันเป็นคนนึงที่ยังคิดไม่ตกว่าอาจารย์จะถามอะไร

    ตอบลบ