วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยการฝึกหัดงานในสำนักงานทนายความ พ.ศ.2535

   อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 27 มาตรา 38 และด้วยความเห็นชอบ ของสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความ ตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528 คณะกรรมการสภาทนายความจึงออกข้อบังคับว่าด้วยการฝึกหัดงานในสำนักงานทนาย ความ ไว้ดังต่อไปนี้
     ข้อ 1  ข้อบังคับนี้เรียกว่า `ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยการฝึกหัดงานในสำนักงานทนาย ความ พ.ศ.2535'
     ข้อ 2 ข้อบังคับนี้ให้ใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
     ข้อ 3  ให้ยกเลิก
     ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยการฝึกหัดงานในสำนักงานทนายความ พ.ศ.2529
     ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยการฝึกหัดงานในสำนักงานทนายความ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2531
     ข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยการฝึกหัดงานในสำนักงานทนายความ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2532
     ข้อ 4  ในข้อบังคับนี้
          `ฝึกหัดงาน' หมายถึง ฝึกอบรมหลักปฏิบัติเบื้องต้นในการว่าความ ฝึกอบรมมรรยาททนายความ และการประกอบวิชาชีพทางกฎหมาย
          `ผู้เข้ารับการฝึกหัด' หมายถึง ผู้เข้ารับการฝึกหัดงานในสำนักงานทนายความ
          `สำนักงาน' หมายถึง สำนักงานทนายความที่รับฝึกหัดงาน
          `คณะกรรมการ' หมายถึง คณะกรรมการทดสอบการฝึกหัดงาน
          `ประธานกรรมการ' หมายถึง ประธานคณะกรรมการทดสอบการฝึกหัดงาน
     ข้อ 5  ผู้เข้ารับการฝึกหัดในสำนักงานทนายความมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี ซึ่งจะขอจดทะเบียน และรับใบอนุญาตให้เป็นทนายความต้องอยู่ภายใต้ข้อบังคับดังต่อไปนี้
              (1) ผู้เข้ารับการฝึกหัดต้องเป็นผู้ได้เข้ารับการฝึกหัดงานหลักจากสำเร็จการ ศึกษา ระดับปริญญาตรี หรืออนุปริญญาทางนิติศาสตร์หรือประกาศนียบัตรในวิชานิติศาสตร์ซึ่งเทียบได้ ไม่ต่ำกว่า ระดับปริญญาตรี หรืออนุปริญญาจากสถาบันการศึกษาซึ่งสถาบันการศึกษาซึ่งสภาทนายความเห็นว่า สถาบัน การศึกษานั้นมีมาตรฐานการศึกษาที่ผู้ได้รับปริญญาตรีหรืออนุปริญญาหรือ ประกาศนียบัตรควรเป็นทนาย ความได้
              (2)  ผู้เข้ารับการฝึกหัดต้องฝึกหัดงานในสำนักงานทนายความซึ่งผู้ควบคุมการฝึก หัดงานต้องมีใบอนุญาตให้เป็นทนายความเป็นเวลารวมกันไม่น้อยกว่า 7 ปี
              (3) (ก) ให้ผู้เข้ารับการฝึกหัดแจ้งชื่อ ที่อยู่ พร้อมหลักฐานแสดงคุณวุฒิการศึกษา ของผู้เข้ารับการฝึกหัด และชื่อ ที่อยู่ โดยละเอียดของสำนักงานทนายความที่รับฝึกหัดงานพร้อมหนังสือ รับรองและสำเนาใบอนุญาตให้เป็นทนายความของผู้ควบคุมการฝึกหัดงาน ต่อสภาทนายความภายใน กำหนด 15 วัน นับแต่วันเริ่มเข้าฝึกหัดงาน
                  (ข)  เมื่อผู้เข้ารับการฝึกหัดได้ฝึกหัดงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 1ปี จะขอจด ทะเบียนและรับใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ให้นำหนังสือรับรองการเข้าฝึกหัดงานของผู้ควบคุมการฝึก หัดงานและรายละเอียดการฝึกหัดงานตลอดระยะเวลา 1 ปี มาแสดงพร้อมกับคำขอจดทะเบียนและ รับใบอนุญาตให้เป็นทนายความ
                  (ค)  การแจ้งการเข้าฝึกหัดงานในสำนักงานทนายความและการรับรอง ของผู้ควบคุมการฝึกหัดงาน ให้ทำเป็นหนังสือตามแบบที่คณะกรรมการกำหนด
                  (ง)  ผู้เข้ารับการฝึกหัดผู้ใด อ้างว่าได้เข้ารับการฝึกหัดงานมาก่อนแล้วแต่ มิได้แจ้งการเข้ารับการฝึกหัดงานให้สภาทนายความทราบภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันเริ่มเข้าฝึก หัดงานให้คณะกรรมการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายทำการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยว กับการฝึกหัดงานของ ผู้เข้ารับการฝึกหัดงานดังกล่าว แล้วนำเสนอคณะกรรมการสภาทนายความพิจารณาผ่อนผันในเรื่อง การนับระยะเวลาการเข้าฝึกหัดงานให้เป็นการเฉพาะราย
     ข้อ 6  ให้ผู้ที่ได้ฝึกหัดงานในสำนักงานทนายความมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี และได้ปฏิบัติถูก ต้องครบถ้วนตามข้อกำหนดในข้อ 5 มีสิทธิขอจดทะเบียนเป็นทนายความได้เมื่อได้ผ่านการทดสอบ และสอบได้ตามเกณฑ์มาตรฐานที่คณะกรรมการกำหนด
     ผู้สมัครเข้ารับการทดสอบตามวรรคหนึ่ง ต้องเสียค่าลงทะเบียนสอบครั้งละ 500 บาท
     ข้อ 7  ให้ `ผู้อำนวยการและคณะกรรมการ' ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยการฝึก อบรมวิชาว่าความ พ.ศ.2529  เป็นประธานกรรมการและคณะกรรมการตามข้อบังคับนี้ด้วย'

                                ประกาศ ณ วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ.2535
                                         สัก  กอแสงเรือง
                                        นายกสภาทนายความ

หมายเหตุ:-  เหตุผลในการประกาศใช้ข้อบังคับสภาทนายความฉบับนี้ คือ โดยที่ข้อบังคับสภาทนาย ความว่าด้วยการฝึกหัดงานในสำนักงานทนายความ พ.ศ.2529 ข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยการฝึกหัดงานในสำนักงานทนายความ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2531 และข้อบังคับสภาทนายความว่า ด้วยการฝึกหัดงานในสำนักงานทนายความ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2532 แต่ละฉบับคงมีผลใช้บังคับเพียง บางข้อซึ่งบัญญัติไว้ในข้อบังคับดังกล่าวข้างต้นเท่านั้น  จึงเห็นสมควรรวบรวมข้อบัญญัติของข้อบังคับ ทั้งสามฉบับเข้าด้วยกัน เพื่อจะได้ไม่สับสนและสะดวกต่อการใช้อ้างอิงต่อไปพร้อมกับปรับปรุงการ แก้ไขข้อบังคับดังกล่าวข้างต้นให้ได้มาตรฐานและเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ตลอดจนปรับปรุง การทดสอบให้ได้มาตรฐาน โดยให้มีการอกประกาศนียบัตรแก่ผู้ผ่านการสอบได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน ที่คณะกรรมการกำหนด จึงจำเป็นจะต้องกำหนดเงินค่าลงทะเบียนทดสอบเพิ่มจากเดิม 200 บาท (สองร้อยบาทถ้วน) เป็น 500 บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น